คู่มือติดตั้งและการใช้งานเครื่องสูบน้ำหอยโข่ง
คำแนะนำ เพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นต่อปั๊มและทรัพย์สิน
ข้อควรระวังก่อนการติดตั้ง
1. การยกหรือการเคลื่อนที่ปั๊ม ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง อย่าเหนี่ยวรั้งสายไฟของปั๊ม
2. ศึกษาข้อจำกัดการใช้งานโดยละเอียด
3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้สูบของเหลวที่ไม่ใช่น้ำ เช่น น้ำมัน หรือสารเคมีอื่นๆ หรือใช้งานในสภาวะที่อาจเกิดอันตรายได้
4. ไฟฟ้าที่จ่ายเข้าตัวปั๊มจะต้องเป็นระบบเดียวกัน ควรติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟ และต่อสายดินทุกครั้ง
5. เลือกใช้ท่อเหล็ก หรือท่อพลาสติกที่ทนแรงดันได้ เพื่อป้องกันการเสียหายอันเกิดจากแรงสุญญากาศระดูด
6. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ท่ออ่อนหรือสายยางสำหรับดูด หรือท่อจ่ายเพื่อป้องกันท่อตีบและบิดงอ
7. ไม่ควรใช้งานเกินประสิทธิภาพของปั๊ม
8. ควรระวังไม่ให้ปั๊มโดนน้ำหรือฝนสาด
9. การต่อท่อต้องซีลให้สนิทไม่ให้มีลมรั่วในท่อดูด เพราะจะมีผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานของปั๊ม
10. ท่อดูดจะต้องไม่สูงกว่าระดับของตัวปั๊ม
11. ท่อดูดจะต้องใส่ฟุตวาล์ว และอาจจะใส่ตัวกรองน้ำร่วมด้วย
12.ปลายท่อดูดจะต้องจมอยู่ในน้ำ และควรห่างจากก้นบ่อและผนังข้างบ่อไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง
13. จำไว้ว่า ปั๊มจะต้องมีน้ำเต็มตลอดเวลาในขณะใช้งาน
14. ท่อด้านจ่ายเหนือปั๊มน้ำให้ติดตั้งวาล์วกันน้ำย้อนและประตูน้ำ
15. เมื่อใช้งานอย่าลืมเปิดประตูน้ำทางท่อจ่าย
16. การติดตั้งท่อหรือชิ้นส่วนอื่นใดให้แน่ใจว่าน้ำหนักของมันไม่ส่งผลเสียโดยตรงต่อปั๊ม
17. หลีกเลี่ยงการต่อท่อหลายทาง หรือต่อท่อโค้งซิกแซกไปมา
การติดตั้งปั๊มน้ำ
1. ต่อเช็ควาล์ว (หรือฟุตวาล์ว) ไว้ที่ปลายท่อดูดและให้อยู่สูงจากพื้นน้ำ 25 ซม.
2. ระยะจากระดับผิวน้ำจนถึงท่อดูดของปั๊มไม่ควรเกินกว่า 7 เมตร
3. ระดับท่อดูดควรเป็นระดับเดียวกันหรือเป็นแนวที่ต่ำกว่าท่อดูดของปั๊ม
4. ควรมีการตรวจสอบรอบรั่วหลังจากติดตั้งแล้วเสร็จ
คู่มือการใช้ปั๊มหอยโข่ง
1. มอเตอร์ปั๊มจะต้องติดตั้งให้ได้ระดับและควรอยู่ใกล้ดับแหล่งน้ำ
2. มอเตอร์ปั๊มควรติดตั้งให้ห่างจากผนังด้านข้าง หรือด้านหลังอย่างน้อย 10 ซม.เพื่อบำรุงรักษา และเพื่อการถ่ายเทอากาศที่ดี
3. เลือกใช้ท่อดูดและท่อจ่ายให้ถูกขนาด รวมถึงต้องซีลท่อและขันข้อต่อให้แน่น
4. ยึดขาตั้ง และฐานของมอเตอร์ปั๊มให้แน่นมั่นคง
5. ตรวจสอบว่าท่อและข้อต่อท่อต่างๆติดตั้งอยู่ตำแหน่งที่ถูกต้องและแน่นหนา
วิธีการใช้งาน
การล่อน้ำ ปั๊มดูดน้ำได้โดยที่ความดันในห้องปั๊มจะต้องต่ำกว่าความดันของบรรยากาศโดยจะใช้วิธีดังนี้ :-
1. ถอดปลั๊กอุด A และปลั๊กอุด B ออกแล้วเติมน้ำเข้าสู่ห้องปั๊มทางปลั๊กอุด A
2. เติมน้ำจนเข้าไปเต็มในห้องปั๊ม อากาศจะถูกไล่ออกมาทางปลั๊กอุด B จนหมด(สังเกตจากน้ำจะไหลออกมาทางปลั๊กอุด B)
3. ขันปิดปลั๊กอุด B ให้แน่น
4. เติมน้ำต่อไปจนล้นออกทางปลั๊กอุด A รอจนแน่ใจว่าอากาศถูกไล่ออกจากห้องปั๊มจนหมด
คำเตือนและข้อควรระวัง
· ไม่ควรปล่อยให้ปั๊มทำงานโดยปราศจากน้ำเป็นเวลานาน
· ควรระมัดระวังเศษขยะหรือกรวดทรายที่มากับน้ำเข้าไปขัดใบพัด อาจทำให้ใบพัดหมุนไม่ได้และทุ่นเผาในที่สุด
· การติดตั้งท่อควรระวังอย่าให้มีสิ่งสกปรก เศษวัสดุ เศษท่อพี.วี.ซี.(ท่อพี.วี.ซี.ควรตัดด้วยกรรไกรตัดท่อพี.วี.ซี. ซึ่งให้รอยตัดที่เรียบ ไม่มีเศษพลาสติก) เศษเกลียวท่อ เทปพันเกลียว เข้าไปในท่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดขัดใบพัดปั๊ม ติดขัดที่ลูกลอยหรือวาล์ว ต่างๆในระบบน้ำ
· ควรติดตั้งปั๊มบนฐานรอง ให้ปั๊มสูงจากพื้นเล็กน้อย น้ำไม่ท่วมขัง ปั๊มจะทนมากขึ้น ไม่เป็นสนิม และปลอดภัย ลดโอกาสไฟฟ้ารั่ว
· ติดตั้งปั๊มห่างจากผนังอย่างน้อย 10 เซนติเมตร ประมาณ 1 ฝ่ามือ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ปั๊มจะได้ไม่ร้อนมากขณะทำงาน ช่วยให้ปั๊มทนขึ้นอีกแล้ว
· ทั่วไปปั๊มจะมีใบพัดระบายความร้อนอยู่ด้านท้ายของปั๊ม ทำหน้าที่หมุนดูดอากาศผ่านด้านข้างตัวปั๊มเพื่อระบายความร้อน ควรติดตั้งในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ควรคอยตรวจดูอย่าให้มีใบไม้ เศษกระดาษ ถุงพลาสติก ติด ขวางทางระบายความร้อนของปั๊ม
· การติดตั้งท่อน้ำกับตัวปั๊ม ควรติดตั้งให้ได้ระดับ และได้แนวพอดีกับแนวเกลียวหรือข้อต่อของปั๊ม อย่าให้งัด งอ หรือไม่ได้แนว ซึ่งอาจทำให้ ท่อแตกร้าว หรือตัวปั๊มแตกร้าว หรือเกิดรอยรั่วได้ง่าย เนื่องจากขณะที่ปั๊มน้ำทำงานจะมีการสั่นเล็กน้อย ถ้าติดตั้งท่อไม่ดี อาจทำให้ส่วนที่งัดเสียหายได้ง่าย
· ต้องพิจารณาที่จะติดตั้งให้เหมาะสม เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และทนทานควรติดตั้งปั๊มในที่ร่ม กันแดด กันฝน อาจทำหลังคา หรือกล่องใหญ่ๆคลุม แบบบ้านหมาก็ได้ ต้องให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และยกออกได้ ตรวจซ่อมปั๊มได้ง่าย แม้ว่าปั๊มส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ติดตั้งภายนอกได้ แต่ปั๊มที่อยู่ในที่ร่มจะทนกว่ามาก และปลอดภัยกว่ามากด้วย โดยเฉพาะปั๊มที่มีกล่องควบคุมแบบอิเลคทรอนิกส์ติดที่ตัวปั๊ม
· ท่อดูดและท่อจ่ายน้ำของปั๊ม ไม่ควรเล็กกว่าขนาดของจุดต่อท่อของปั๊ม การใช้ท่อเล็กจะทำให้ประสิทธิภาพของปั๊มไม่ดี ไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่ระบุในสเปค
· ไม่ควรต่อปั๊มดุดน้ำโดยตรงจากท่อประปา เนื่องจากจะทำให้ดูดสิ่งสกปรกในท่อประปาเข้ามาโดยตรง ถ้าท่อประปารั่วก็จะดูดน้ำสกปรกหรืออากาศเข้ามา และผิดระเบียบการใช้น้ำของการประปา ควรต่อท่อประปาเข้าถังเก็บน้ำแล้วใช้ปั๊มดูดน้ำจากถังเก็บจ่ายเข้าบ้าน
· การต่อสายไฟฟ้าเข้ากับปั๊มเลือกขนาดสายที่สามารถรับกระแสไฟฟ้าที่ปั๊มใช้ได้เพียงพอ ถ้าใช้สายเล็กจะทำให้สายร้อนและละลายได้
· ควรติดตั้งสายไฟที่จุดต่อสายไฟในตัวปั๊ม ไม่ควรใช้การเสียบปลั๊ก หรือตัดปลายปลั๊กแล้วต่อสาย สายไฟไม่ควรมีจุดตัดต่อที่กลางสาย
· ควรมีชุดเบรกเกอร์ควบคุมปั๊มต่างหาก 1 ชุด เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการซ่อม
· ควรทำงานติดตั้งด้วยความละเอียด เรียบร้อย โดยใช้ช่างที่มีความรู้โดยตรง หรือศึกษาข้อมูลก่อนทำงานติดตั้ง การติดตั้งต่อท่อน้ำ ต่อไฟให้ปั๊มน้ำทำงานนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การติดตั้งให้ดี ปลอดภัย เรียบร้อย ต้องใช้ความรู้และความชำนาญพอสมควร
· การติดตั้ง - ซ่อม ในส่วนที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ควรทำโดยช่างที่มีความรู้ ความชำนาญโดยตรง และตัดไฟฟ้าก่อนทำการซ่อม-ติดตั้ง
การแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น (Trouble shooting)
ข้อบกพร่อง |
การตรวจสอบ(สาเหตุที่อาจเป็นไปได้) |
การแก้ไข |
1. มอเตอร์ไม่ทำงานและไม่มีเสียงใดๆ |
ก. ตรวจสอบการต่อไฟกับมอเตอร์ว่าถูกต้อง |
|
|
ข. ตรวจดูมอเตอร์ว่าหมุนคล่องตัว |
|
|
ค. ตรวจที่ฟิวส์ป้องกัน |
ค.หากฟิวส์ขาดให้เปลี่ยนใหม่ |
|
|
หมายเหตุ : ถ้าเกิดข้อบกพร่องขึ้นมาใหม่ทันที แสดงว่าเกิดวงจรลัดขึ้นที่มอเตอร์ |
2. มอเตอร์ไม่ทำงานแต่ส่งเสียงดัง |
ก. ให้แน่ใจว่าแรงดันไฟฟ้ามีค่าเท่ากับแรงดันที่ระบุไว้บนแผ่นป้าย |
|
|
ข. ให้แน่ใจว่าได้ต่อขั้วสายถูกต้อง |
ข. แก้ไขข้อผิดพลาดใดๆให้ถูกต้อง |
|
ค. ตรวจดูว่าเฟสทั้งหมดได้มาอยู่ที่แผงขั้วต่อสาย |
ค. หากไม่ใช่ ให้นำเฟสที่หายไปกลับคืนมา |
|
ง. ตรวจดูสิ่งที่ทำให้เครื่องสูบหรือมอเตอร์ติดขัด |
ง. กำจัดสิ่งติดขัดให้หมดสิ้น |
|
จ. ตรวจดูสภาพของตัวเก็บประจุ |
จ. เปลี่ยนตัวเก็บประจุใหม่ |
3. มอเตอร์หมุนได้ลำบาก |
ก. ตรวจดูแรงดันไฟฟ้า เพราะอาจมีไม่เพียงพอ |
|
|
ข. ตรวจดูว่าชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้นั้นมีส่วนที่ไปถูคราดกับส่วนที่ตรึงแน่นอยู่กับที่บ้างมั้ย |
ข. กำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดการถูคราด |
4. ปั๊มน้ำส่งน้ำไม่ได้ |
ก. ไม่ได้ทำการล่อน้ำอย่างถูกต้อง |
|
|
ข. สำหรับมอเตอร์สามเฟส ให้ตรวจดูทิศทางการหมุนว่าถูกต้องหรือไม่ |
ข. หากจำเป็น ให้กลับขั้วสายสองสายไฟสลับกัน |
|
ค. ท่อชักน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เพียงพอ |
ค. ถอดท่อออกแล้วเปลี่ยนใส่อันใหม่ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้น |
|
ง. วาล์วหัวกะโหลกเกิดอุดตัน |
ง. ทำความสะอาดวาล์วหัวกะโหลก |
5. ปั๊มน้ำไม่สามารถล่อน้ำได้ |
ก. ท่อน้ำหรือวาล์วหัวกะโหลกดูดเอาอากาศเข้าไป |
ก. ทำการไล่อากาศให้หมดไปแล้วทำการล่อน้ำใหม่ |
|
ข. ท่อน้ำที่เอียงต่ำลาดลงมักทำให้เกิดหลุมอากาศขึ้น |
ข. จัดระดับความลาดเอียงของท่อชักน้ำให้ถูกต้อง |
6. ปั๊มน้ำสูบน้ำออกมาไม่เพียงพอ |
ก. วาล์วหัวกะโหลกเกิดอุดตัน |
ก. ทำความสะอาดวาล์วหัวกะโหลก |
|
ข. ใบพัดชำรุดหรือเกิดติดขัด |
ข. กำจัดสิ่งที่ทำให้ติดขัดหรือถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด |
|
ค. ท่อน้ำมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เพียงพอ |
ค. ถอดเปลี่ยนท่อใหม่ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้น |
|
ง. สำหรับมอเตอร์สามเฟส ให้ตรวจดูทิศทางการหมุนว่าถูกต้องหรือไม่ |
ง. หากจำเป็น ให้กลับขั้วสายยองสายไฟสลับกัน |
7. ปั๊มน้ำสั่นและทำงานเสียงดัง |
ก. ตรวจดูว่าเครื่องสูบและท่อต่างๆ |
ก. ยึดชิ้นส่วนที่หลวมให้แน่นเข้าที่ด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น |
|
ข. มีการเกิดและยุบของฟองอากาศ (cavitations) ในตัวเครื่องสูบนั้นคือความต้องการน้ำมีระดับสูงกว่าความสามารถในการสูบน้ำ |
ข. ลดปริมาณน้ำเข้าให้สัมพันธ์กับน้ำที่ออก หรือตรวจหาสาเหตุที่เป็นอุปสรรคในการส่งน้ำ |
|
ค. เครื่องสูบทำงานในพิกัดสูงกว่าคุณลักษณะของเครื่องที่ระบุไว้บนแผ่นป้าย |
ค. จำกัดระดับการไหลของน้ำให้พอเหมาะในขณะสูบส่งน้ำ |